Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 
 
บทบาทของสหกรณ์ในเชิงวัฒนธรรมมักไม่ได้รับการให้ความสำคัญมากเท่าที่ควร ในฐานะเป็นองค์กรสมัครใจที่สนองความต้องการ และความมุ่งหมายร่วมกันทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่มนุษย์คิดค้นขึ้นและสร้างขึ้นมาเพื่อดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันภายในสังคม ทั้งเป็นสิ่งที่มีระเบียบแบบแผน และมีรูปแบบเป็นที่ยอมรับกันภายในสังคมนั้นๆ ซึ่งในทัศนะของบุคคลภายนอกแล้วจะมีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมจะต้องมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินไปเรื่อยๆ มีการปรับตัวเองให้เข้ากับบริบทต่างๆที่ห้อมล้อม หรือผลักดัน
 

สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงในหลายมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแทบจะทุกวินาทีนั้นได้ก่อให้เกิดการปรับตัวที่เสมือนวิ่งไล่เงาตนเองของภาคธุรกิจ ยิ่งวิ่งดูเหมือนยิ่งเหนื่อย การดำเนินธุรกิจภายใต้ กติกาใหม่ของโลกไร้พรมแดน กับสัญญาณการเป่านกหวีดที่ดังขึ้นนั้น จำเป็นต้องวิ่งลงสนามพร้อมกับสัญญาณนกหวีดของโลกปัจจุบัน ธุรกิจการสหกรณ์ไทยที่มีคนราว 10 ล้านคนที่เกี่ยวข้อง ควรปรับตัวอย่างไร เป็นสิ่งที่สหกรณ์ต้องคิด และตระหนักถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร และเริ่มทำให้ธุรกิจที่เกิดขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ แล้วคุณภาพ คือ ความอยู่รอดของธุรกิจในระยะยาว และการสร้าง SEVA : Social and Economic Value Added วัฒนธรรมการเพิ่มมูลค่าองค์กรกับสังคม เป็นอีกหนึ่งของการปรับปรุงคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ดังที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อมั่นว่า “ไม่มีสักวันเลยที่จะไม่ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน”

 
การริเริ่มปลูกฝังการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสหกรณ์จากผู้บริหาร

หากพิจารณาขบวนการสหกรณ์ไทยในเชิงปริมาณแล้วจะเห็นว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวและยังขาดเสถียรภาพที่มั่นคงนั้น จำนวนสหกรณ์ของไทยกลับมิได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด การจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เพิ่มเติมให้มีปริมาณมากขึ้นยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งส่วนหนึ่งคงไม่ต่างจากการสืบทอดตามนโยบายรัฐดังที่เคยปฎิบัติกันมาในการส่งเสริมสหกรณ์ นับตั้งแต่อดีตที่ยังคงพยายามรักษาให้สถาบันสหกรณ์อยู่รอด และคงภาพแห่งการเติบโตได้บ้างแม้ในเชิงปริมาณก็ตาม เฉพาะจำนวนสหกรณ์ที่จดทะเบียนมีถึง 1.3 หมื่นสหกรณ์ ด้วยจำนวนสมาชิก 10 ล้านคน ซึ่งประมาณกันว่า หากครอบคลุมไปถึงภายในครัวเรือนสมาชิกด้วยแล้ว บทบาทของสหกรณ์ที่จดทะเบียนนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประชาชนไทยประมาณครึ่งประเทศเห็นจะได้

              แม้ในแง่มุมหนึ่งหากเป็นการชื่นชมว่าสหกรณ์ได้รับการเผยแพร่ได้รวดเร็ว มีปริมาณมากมายกว่า 1.3 หมื่นแห่งทั่วทุกจังหวัด ที่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศ คือภาคการเกษตร แต่จากปริมาณสหกรณ์ที่มากมายนั้นกลับไร้พลังทั้งในเชิงเศรษฐกิจ โดยที่ธุรกิจของสหกรณ์หลายแห่งเอาตัวแทบไม่รอด ไม่ได้ขนาดในเชิงธุรกิจและไม่สามารถแม้แต่จะพยุงรักษาตัวเองได้ ส่วนในทางสังคมยิ่งเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากการรับรู้ ที่สำคัญก็คือทั้งหมดดังกล่าวนี้มิอาจหลีกเลี่ยงในการสร้างการรับรู้ถึงภาพของสหกรณ์ให้แก่เกษตรกรไทยและชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพของการเป็นสหกรณ์จัดตั้งหรือสหกรณ์ฉบับทางการ ที่มิได้เกิดจากความต้องการของเกษตรกร  เป็นหน่วยงานที่รัฐอุปถัมภ์ค้ำจุนและต้องรอรับความช่วยเหลือจากรัฐ ในการเช่นนี้สหกรณ์คงต้องปฎิรูปและสร้างวัฒนธรรมใหม่ในสหกรณ์เริ่มจากผู้บริหารด้วยการปลูกฝังแนวความคิด SEVA…วัฒนธรรมการเพิ่มมูลค่าองค์กรกับสังคมให้กับสหกรณ์ เพื่อความอยู่รอดขององค์กรทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนสามารถแข่งขันได้ สู่สังคมที่อยู่ดีมีสุขในอนาคต
 
การสร้างเป็นวัฒนธรรมเพื่อตัดสินใจทั่วทั้งองค์กร

               เมื่อผู้บริหารสหกรณ์ได้ตระหนักและเห็นแจ้งของการสร้างมูลค่าเพิ่มองค์กรกับสังคมแล้ว ต้องนำไปสู่การสร้างเป็นวัฒนธรรมเพื่อการตัดสินใจทั่วทั้งองค์กร และการจัดการความรู้ (Knowledge Management) จะเป็นเครื่องมือที่ดีอีกชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์การได้เพราะมูลค่าของความรู้มิได้อยู่ที่การรู้หรือจำนวนชั่วโมงการฝึกอบรมอย่างเดียว แต่อยู่ที่การนำความรู้มาสรรสร้างสิ่งใหม่ต่างหาก ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างทุกวันนี้ ความถูกต้อง และรวดเร็วสำคัญมาก การจะถูกต้องได้จำเป็นต้องมีข้อมูล การมีข้อมูลที่ดีจะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น การตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำจะต้องเกิดจากผู้นำและทีมงานที่มีความรู้ และการที่ทีมงานจะมีความรู้ได้ดีต้องเกิดจากกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ หรือที่ดีพอ การปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วมีการนำสิ่งดีไปเล่าหรือแบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนร่วมสหกรณ์ได้ฟังกันได้เรียนรู้จากกรณีศึกษากันทำให้พลังของความรู้ได้นำมาใช้ในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งการดำเนินการใดๆ ก็ตามหากขาดแผนเหมือนกับขาด เข็มทิศ แผนกลยุทธ์จะเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จทั้งระยะสั้นและระยะยาว เป็นการลดความเสี่ยงบางอย่างของการดำเนินการได้ งานที่ต่างเวลา ต่างสถานที่นั้น วัฒนธรรมองค์กร ทรัพยากรมนุษย์ และแนวทางการปรับปรุงก็ต่างกัน สหกรณ์ก็เช่นกัน เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงเร็วการดำเนินต้องอาศัยการคิดและปฎิบัติที่ถูกต้องและรวดเร็ว และ SEVA : Social and Economic Value Added จะเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุนการสร้างวัฒนธรรมเพื่อการตัดสินใจเป็นอย่างดีให้กับคนของสหกรณ์

 
การสื่อสารกับสมาชิก 

วัฒนธรรมในระดับฐานรากแห่งพฤติกรรม หรือค่านิยม เป็นเรื่องที่มีอิทธิพลสำคัญต่อพฤติกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม และเกี่ยวข้องโดยตรงกับความคิด ความเชื่อ อุปนิสัยและวิถีชีวิต การสหกรณ์มีวิวัฒนาการจากอดีตสู่ปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา โดยส่งเสริมให้คนศรัทธาและเชื่อมั่นในคุณค่าของสหกรณ์ และยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นความพอประมาณ ความมีเหตุผล และภูมิคุ้มกัน เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการเพิ่มขีดความสามารถของสหกรณ์ให้เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมีธรรมาภิบาลเป็นที่พึ่งของสมาชิกได้

     

      หากวัฒนธรรมในขบวนการสหกรณ์ไทยสอดคล้องกับอัตลักษณ์และค่านิยมสหกรณ์แล้ว ย่อมเป็นที่คาดได้ถึงการยกระดับจริยธรรมทั้งด้านความคิดและการกระทำให้แก่คนสหกรณ์  การให้คุณค่าในความเป็นมนุษย์และจิตวิญญาณในการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล พึ่งพาตนเองได้ พึ่งพากันและกันได้บนฐานวัฒธรรม เราต้องเป็นคนคิดเอง รู้จักแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อมีกลุ่มมีเพื่อนหลายคนก็เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อหาทางออกของปัญหากัน แต่ระหว่างรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านวิถีชีวิตมาสู่แนวใหม่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติซึ่งสวนทางกับคนส่วนใหญ่ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องเจอแรงปะทะ อุปสรรคและปัญหาต่างๆนานา
 
                ด้วยเหตุแห่งภาวะการณ์ที่กล่าวมาคงสรุปได้ว่า  สหกรณ์คงต้องจุดประกาย SEVA…วัฒนธรรมการเพิ่มมูลค่าองค์กรกับสังคมให้เป็นวัฒนธรรมในสหกรณ์  และเครื่องมือ SEVA จะช่วยสนับสนุนแนวคิดการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี  โดยพิจารณาเริ่มปลูกฝังความคิดให้กับผู้บริหาร สู่การจัดการความคิดเพื่อการตัดสินใจทั่วทั้งองค์กร  และสื่อสารความคิดให้กับสมาชิก เพื่อให้เป็นกลไกของการสร้างคุณค่าและก้าวให้ทันกับการเป็นพลวัตโลกและกฎกติกาใหม่ๆที่ได้เกิดขึ้นตามมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมจะนำไปสู่การวิวัฒนาการเพื่อก้าวให้ทันกับการแข่งขันได้ และเพื่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืนตลอดไป
                                                                                                                                  

ที่มา : เพยาว์   กิมปฐม

ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 8677 คน จำนวนคนโหวต 22 คน

  จำนวนคนโหวต 22 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

  ระดับ 

  ให้ 1 คะแนน
 
9%
  ให้ 2 คะแนน
 
14%
  ให้ 3 คะแนน
 
23%
  ให้ 4 คะแนน
 
14%
  ให้ 5 คะแนน
 
41%
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel