|
|
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เร่งพัฒนาคุณภาพงานสอบบัญชี สกัดปัญหาทุจริต
การตกแต่งงบการเงินในสหกรณ์
|
|
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ชี้แนวโน้มการทุจริต
โดยตกแต่งงบการเงินเพิ่มสูงขึ้น หวั่นสร้าง
ความเสียหาย ต่อระบบเศรษฐกิจ เร่งปรับ
กลยุทธ์พัฒนาคุณภาพงานสอบบัญชี พร้อม
เสริมสร้างความรู้แก่บุคลากร ป้องกันปัญหา
การทุจริตในสหกรณ์
|
นางรัตติยา สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 2 กรมตรวจบัญชี
สหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการทุจริตโดยการตกแต่งงบการเงินมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เห็นได้
จากการล้มละลายของบริษัทขนาดใหญ่ ในต่างประเทศหลายแห่ง ที่มีสาเหตุเกิดจากการตกแต่ง
บัญชีในงบการเงิน เพื่อให้ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นและ สร้างความมั่งคั่งให้กับกิจการ เช่น
การตกแต่งการเลื่อนการรับรู้รายได้หรือทยอยการรับรู้ ในปี 2545-2549 บริษัทคอมพิวเตอร์แห่ง
หนึ่ง เคยใช้วิธีการนี้โดยการเก็บกำไรที่ควรจะรับรู้ในงวดนี้ไว้ในบัญชีหนี้สินแล้วทยอยเอาออกมา
รับรู้ในงวดถัด ๆ ไป เพื่อทำให้ยอดกำไรของบริษัทมีความสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนให้นักวิเคราะห์
ตกใจ สุดท้ายโดนคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC)
ปรับเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐและต้องแก้ไขงบการเงินใหม่ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งมูลค่า
สินทรัพย์ การตกแต่งรายได้ปลอม การตกแต่งการปกปิดหนี้สิน การตกแต่งไม่ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัย
จะสูญ และการตกแต่งค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ซึ่งการตกแต่งบัญชีดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อความน่า
เชื่อถือ ในระบบการจัดทำและการนำเสนองบการเงินของกิจการ ทำให้ผู้ใช้งบการเงิน ไม่ว่าจะ
เป็นเจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น หรือผู้ที่เกี่ยวข้องนำงบการเงินไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจผิดพลาด โดย
เฉพาะนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดทุนและ สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจในภาพ
รวม
การตกแต่งงบการเงินในระบบสหกรณ์ ถือเป็นการทุจริตประเภทหนึ่งที่จะต้องเฝ้าระวังไม่
ให้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับภาคธุรกิจอื่น เพราะทำให้งบการเงินไม่สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริง
ของสหกรณ์ และระบบสหกรณ์ได้เข้ามามีบทบาทในภาคการเงินของประเทศเพิ่มมากขึ้น ข้อมูล
จากกลุ่มตรวจสอบข้อมูลและบริการสารสนเทศ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรม
ตรวจบัญชีสหกรณ์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 จำนวนสหกรณ์ ทุกประเภทที่จะต้องตรวจสอบมี
ทั้งสิ้น จำนวน 6,674 แห่ง สามารถรวบรวมข้อมูลทางการเงินของสหกรณ์ได้ 6,212 แห่ง มี
สมาชิกรวม 12.17 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 18.29 ของประชากรทั้งประเทศ (ปี 2563 ประชากร
ทั้งประเทศจำนวน 66.55 ล้านคน) มีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3.51 ล้านล้านบาท และมูลค่า
ธุรกิจรวมทั้งสิ้น 1.91 ล้านล้านบาท ซึ่งหากเกิดการทุจริตในระบบสหกรณ์ จะก่อให้เกิดผลกระทบ
และความเสียหายต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ สัญญาณเตือนภัยจากการ
ตกแต่งงบการเงินในสหกรณ์ อาจพิจารณาได้จากประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 1) อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วน
ของทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 2) มีระยะเวลาการเก็บหนี้นานขึ้น 3) มีสินค้าคงคลังสูงมากผิด
ปกติ 4) ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น 5) ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นแต่กำไรลดลง 6) หนี้สูญเพิ่มสูงขึ้น 7) ผู้
สอบบัญชีมีการรายงานตรวจพบข้อสังเกตและความผิดปกติ 8) รายงานของผู้สอบบัญชียาวผิด
ปกติ 9) มีการบันทึกตัดจำหน่าย (Write-Off) บ่อยครั้ง หรือตัดจำหน่ายในรายการที่ดูซับซ้อน
มากเกินไป 10) มีผลประกอบการคงที่ แม้เศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นจะมีความผันผวนสูง 11)
บันทึกรายได้ค้างรับ (แต่ยังไม่ได้เงินสด) มากเกินไป 12) สหกรณ์มีกำไรสุทธิออกมาดี แต่ในงบ
กระแสเงินสดกลับไม่สอดคล้องกัน เป็นต้น
นางรัตติยา กล่าวอีกว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะ
หน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่ในการตรวจสอบระบบการเงิน การบัญชี การควบคุมภายใน และการ
ดำเนินงานของสหกรณ์ ให้โปร่งใส ปราศจากการทุจริต และถูกต้องเป็นไปตามมาตรฐาน จึงต้อง
พัฒนาคุณภาพการดำเนินงานและเสริมสร้างความรู้ให้แก่บุคลากรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบบัญชี
สหกรณ์ ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและรู้เท่าทันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้น โดย
มีแนวทางในการพัฒนาคุณภาพงานสอบบัญชีสหกรณ์ ดังนี้
1. มาตรการตรวจสอบบัญชี ผู้สอบบัญชีสหกรณ์จะต้องให้ความสำคัญกับการตรวจ
สอบรายการบัญชี เอกสารการบันทึกบัญชี และหลักฐานอื่น ๆ รวมทั้งวิธีการตรวจสอบอื่นที่จำเป็น
ของสหกรณ์ที่มีสัญญาณเตือนภัย การตกแต่งงบการเงิน และให้ความระมัดระวังในการตรวจสอบ
เพิ่มมากกว่าปกติ รวมทั้งปฏิบัติงานตรวจสอบบัญชี โดยคำนึงถึงจรรยาบรรณในวิชาชีพ ทั้งนี้ หาก
มีการตรวจสอบพบข้อสังเกตเกี่ยวกับการควบคุมภายใน หรือพบการทุจริต ในสหกรณ์ ผู้สอบบัญชี
จะต้องเสนอข้อสังเกตให้ผู้บริหารของสหกรณ์ทราบโดยเร็ว
2. มาตรการกำกับดูแล จัดให้สหกรณ์มีระบบการควบคุมภายในโดยใช้ระบบ
สารสนเทศทางการบัญชี ที่พัฒนาโดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ Smart 4M ซึ่งสามารถตรวจสอบ
และสอบทานความถูกต้องได้ในทุกขั้นตอนตลอดเวลา ประกอบด้วย
M ที่ 1 SmartMe เป็นโปรแกรมระบบบัญชีรายบุคคล สำหรับสมาชิกสหกรณ์และ
บุคคลทั่วไป ใช้บันทึกข้อมูลบัญชีรับจ่าบในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ เช่น การรับ
เงินเดือน การซื้อสิ่งของ อุปโภค บริโภค เป็นต้น โดยระบบจะออกรายงานสรุปรายรับ - รายจ่าย
ประจำเดือนและประจำปี เพื่อให้ผู้ใช้งานได้นำไปวิเคราะห์วางแผนการใช้จ่ายเงินให้เพียงพอกับ
จำนวนเงินที่ได้รับ นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ เพื่อให้ทราบว่าการ
ประกอบอาชีพของตนนั้นมีรายได้ ต้นทุน/ค่าใช้จ่าย และกำไรหรือขาดทุนจากการประกอบอาชีพ
จำนวนเท่าไรและสามารถนำผลการบันทึกมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนในการประกอบอาชีพได้
M ที่ 2 SmartMember เป็นโปรแกรมระบบสอบถามข้อมูลสมาชิกสหกรณ์ โดยระบบ
จะแสดงรายการธุรกรรมทั้งหมดของสมาชิกที่ทำกับสหกรณ์ในภาพรวม เช่น รายการยอดคงเหลือ
รายการเคลื่อนไหวล่าสุดและกราฟแสดง การเปรียบเทียบยอดเงินรับฝาก ทุนเรือนหุ้น เงินกู้ยืม
สัญญาเงินกู้ และภาระค้ำประกัน โดยสมาชิกสหกรณ์สามารถตรวจสอบยอดคงเหลือและรายการ
ชำระเงินกู้ยืม เงินรับฝากและทุนเรือนหุ้นของตนเองได้ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้สหกรณ์เกิดความ
โปร่งใส
M ที่ 3 SmartManage เป็นโปรแกรมระบบข้อมูลเพื่อการตัดสินใจสำหรับผู้บริหาร
สหกรณ์ โดยระบบ จะแสดงข้อมูลสรุปการเคลื่อนไหวประจําวัน และแสดงยอดสะสมของการ
ดำเนินธุรกิจสหกรณ์ ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ การรับ ฝากเงิน การจัดหาสินค้ามาจำหน่าย และการรวบ
รวมผลิตผลทางการเกษตร และแสดงข้อมูลฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของสหกรณ์ ณ
วันปัจจุบัน คณะกรรมการสหกรณ์สามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
ทันการณ์และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
M ที่ 4 SmartMonitor เป็นโปรแกรมระบบเตือนภัยทางการเงินของสหกรณ์แบบ Real
Time สำหรับผู้สอบบัญชีสหกรณ์ โดยระบบจะแสดงข้อมูลอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการ
วิเคราะห์ความเสี่ยง ซึ่งประกอบด้วย อัตราสภาพคล่องทางการเงิน อัตราความเพียงพอของเงิน
ทุนต่อความเสี่ยง อัตราความเพียงพอของทุนสํารอง และอัตราประสิทธิภาพการควบคุมค่าใช้จ่าย
ดําเนินงาน ซึ่งสามารถที่จะบ่งชี้ความเสี่ยงในแต่ละด้านของสหกรณ์ โดยจะอยู่ในกล่องที่สามารถ
แปลความหมายผ่านสีของกล่อง และมีรูปการ์ตูนหน้าคนที่บ่งบอกถึงความหมาย นอกจากนี้ยัง
สามารถที่จะคลิกดูรายละเอียดความหมายของอัตราส่วนแต่ละอัตราได้ ซึ่งผู้สอบบัญชีสามารถนำ
ข้อมูลมาวิเคราะห์และใช้วางแผนในการตรวจสอบบัญชีและเตือนภัยทางการเงินให้แก่สหกรณ์ได้
อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (FAS) ให้เป็นเวอร์
ชั่นปัจจุบัน เพื่อรองรับการตรวจสอบบัญชีระยะไกล (Remote Audit)
3. มาตรการควบคุมคุณภาพงานสอบบัญชี โดยการพัฒนาแบบประเมินคุณภาพงาน
สอบบัญชีสหกรณ์เพื่อให้การปฏิบัติงานสอบบัญชีเป็นไปตามมาตรฐาน ผลงานสอบบัญชีมี
คุณภาพ เชื่อถือได้ มีการควบคุมคุณภาพงาน สอบบัญชีอย่างต่อเนื่อง ก่อนการปฏิบัติงานสอบ
บัญชีเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียหายหรือผลกระทบต่อผู้ใช้ งบการเงิน งานสอบบัญชี
สหกรณ์ทุกชิ้นงานจะต้องผ่านการสอบทานงานก่อนที่ผู้สอบบัญชีจะแสดงความเห็นต่องบการเงิน
และจัดให้มีการพัฒนาความรู้ให้แก่ผู้สอบบัญชีและผู้สอบทานงานอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม "การป้องกันและแก้ปัญหาการทุจริตในระบบสหกรณ์ จะต้องใช้หลาย ๆ วิธี
การควบคู่กัน และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน คณะกรรมกา
รสหกรณ์ รวมไปถึงสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งจะต้องร่วมกันดูแลรักษาผลประโยชน์ของตนเองและ
สหกรณ์ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร จึงจะสามารถป้องกันการทุจริต
ไม่ให้เกิดขึ้นได้ นางรัตติยา กล่าว.
|
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889 |
|
 |

|
 |
|
การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel |
|