กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ประกาศระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์
เรื่องการตรวจสอบกิจการสหกรณ์ พ.ศ.2559 ยกระดับมาตรฐาน
ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ทั่วประเทศ

     นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า จากกรณีที่มีกระแส
ข่าวหลังการประกาศใช้ระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ ว่าด้วยการตรวจสอบกิจการสหกรณ์ พ.ศ.
2559 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ว่าเป็นการจำกัดสิทธิ์ผู้สมัครคัด
เลือกเป็นผู้ตรวจสอบกิจการ นั้น กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า การคัดเลือกผู้
ตรวจสอบกิจการ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจในการบริหารจัดการภายในสหกรณ์ โดยต้องดำเนินการภาย
ใต้ระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ ซึ่งถือเป็นกฎข้อบังคบตามกฎหมายสหกรณ์ ทั้งนี้ สหกรณ์บาง
แห่งได้มีการคัดเลือกผู้ตรวจสอบกิจการเสร็จสิ้นแล้ว แต่ผู้ตรวจสอบกิจการที่ได้รับการคัดเลือกยัง
ไม่ได้ผ่านการอบรมฯ และสหกรณ์บางแห่งที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการคัดเลือกผู้สมัครเป็นผู้
ตรวจสอบกิจการที่ยังไม่ผ่านการอบรมฯ ซึ่งอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวกับการประกาศใช้ระเบียบฯ ฉบับ
ใหม่นี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงได้กำหนดแนวทางในการผ่อนคลายปัญหาดังกล่าวข้างต้น ด้วย
การอนุโลมให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่ผู้ตรวจสอบกิจการจะต้องผ่านการอบรมการตรวจ
สอบกิจการ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อให้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
โดยกรมฯ จะดำเนินการประสานความร่วมมือกับขบวนการสหกรณ์ อาทิ สหกรณ์ สันนิบาตสหกรณ์
ชุมนุมสหกรณ์ หรือหน่วยงานจากสถาบันการศึกษา ดำเนินการจัดอบรมการตรวจสอบกิจการ โดย
ใช้หลักสูตรของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ หรือหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากกรมฯ ซึ่งในขณะนี้
กรมฯ ได้ออกคำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่อง แนวทางการปฏิบัติตามระเบียบนายทะเบียน
สหกรณ์ ว่าด้วยการตรวจสอบกิจการสหกรณ์ พ.ศ.2559 และดำเนินการสำรวจสหกรณ์ที่เข้าข่าย
ได้รับผลกระทบจากทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าว ในการประกาศใช้ระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ครั้งนี้
เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ตรวจสอบกิจการดำเนินการอบรมการตรวจสอบกิจการ ตามระเบียบ ข้อบังคับ
แล้วเสร็จทันในเวลาที่กำหนด
     ทั้งนี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้มุ่งเน้นในการพัฒนาขีดความสามารถให้แก่บุคลากรที่ทำ
หน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหาร
จัดการสหกรณ์อย่างมีธรรมาภิบาล ดังนั้น การทำงานของผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ จึงจำเป็น
ต้องมีมาตรฐาน เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อความเข้มแข็ง
และมั่นคงของสหกรณ์ ภายใต้ความโปร่งใส สามารถเป็นที่พึ่งและเสริมสร้างประโยชน์สู่มวล
สมาชิกได้อย่างแท้จริง.