|
|
 |
ข้าวนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย จากที่ผ่านมาปริมาณการส่งออกข้าวไทยครองอันดับหนึ่งของโลกเรื่อยมาอย่างต่อเนื่องสร้างรายได้ให้กับประเทศและเป็นรายได้หลักของ เกษตรกรแต่ในปี 2555 ต้องเสียแชมป์เพราะยอดปริมาณการส่งออกข้าวน้อย กว่าอินเดียและ เวียดนามที่ขายในราคาต่ำกว่าอย่างไรก็ตามหากเทียบในเชิงมูลค่าการส่งออกข้าวแล้วไทยยังคงครองแชมป์มูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งจากการขายข้าวที่มีคุณภาพที่สูงกว่า
ดังนั้นรัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต2554/2555 มีเป้าหมายการรับจำนำข้าวเปลือกไม่จำกัดปริมาณ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ชี้แจงทำความเข้าใจแก่สหกรณ์ในพื้นที่โครงการเพื่อรับทราบและสมัครเข้าร่วมโครงการ ขณะเดียวกันให้สหกรณ์ร่วมมืออำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ในการให้บริการรวบรวมข้าวเปลือกที่เกษตรกรจะจำนำกับโรงสีข้าวหรือตลาดกลางที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ยังพบปัญหาผลผลิตข้าวเปลือกที่นำมาร่วมโครงการมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมากโดยมีลักษณะเปราะแตกหักง่าย อาจเกิดมาจากข้าวกลายพันธุ์ ทำให้ข้าวมีคุณภาพเหลือเพียง 35-36 กรัมเท่านั้น จึงต้องถูกหักเงินไปมากพอสมควร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจะต้องรณรงค์เปลี่ยนพันธ์ข้าวต่อไป
จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบทำให้การรวบรวมผลผลิตข้าวของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในปี 2555 ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลสหกรณ์ทั่วประเทศมีทั้งสิ้นจำนวน 588 แห่ง มีสมาชิกเกษตรกรทั้งสิ้นจำนวน 4.64 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 6.92 ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ รวบรวมผลผลิตข้าวได้ในมูลค่า 11,452 ล้านบาท หรือปริมาณ 7.6 แสนตัน เป็นมูลค่าที่ลดลงจากปีก่อน ที่สามารถรวบรวมได้ในมูลค่า 12,416 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 9.08 อย่างไรก็ตามคาดว่าปีหน้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่า 15,128 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.10 เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกข้าวบางแห่งได้ผ่านพ้นช่วงอุทกภัยดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้วประกอบกับนโยบายการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลซึ่งเป็นแรงจูงใจรับซื้อข้าวในปริมาณไม่จำกัดและให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดสำหรับข้าวที่มีคุณภาพ
สำหรับเขตพื้นที่การรวบรวมผลผลิตข้าวของสหกรณ์มากที่สุด พบว่า อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของมูลค่าการรวบรวมผลผลิตข้าวของสหกรณ์ทั่วประเทศ และสามารถแสดงรายละเอียด แยกเขตพื้นที่ตามภาคต่าง ๆ ได้ดังนี้
กรุงเทพและปริมณฑล : มูลค่า 399.01 ล้านบาท รวบรวมผลผลิตข้าวผ่าน สหกรณ์คิดเป็นร้อยละ 3.48 ของมูลค่าการรวบรวมข้าวเปลือกสหกรณ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น โดยผลผลิตส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีมากที่สุดจำนวน 383.16 ล้านบาท
ภาคกลาง : มูลค่า 576.80 ล้านบาท รวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกผ่านสหกรณ์และ กลุ่มเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 5.04 ของมูลค่าการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกสหกรณ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น โดยผลผลิตส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดลพบุรีมากที่สุด จำนวน 349.96 ล้านบาท
ภาคตะวันตก : มูลค่า 294.90 ล้านบาท รวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกผ่านสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 2.58 ของมูลค่าการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกสหกรณ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น โดยผลผลิตส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีมากที่สุด จำนวน 269.70 ล้านบาท
ภาคตะวันออก : มูลค่า 443.64 ล้านบาท รวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกผ่าน สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 3.87 ของมูลค่าการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกสหกรณ์ใน ประเทศไทยทั้งสิ้นโดยผลผลิตส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรามากที่สุด จำนวน 280.31ล้านบาท
ภาคเหนือ : มูลค่า 3,910.52 ล้านบาท รวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกผ่านสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 34.15 ของมูลค่าการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกสหกรณ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น โดยผลผลิตส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดรีอุตรดิตถ์มากที่สุดจำนวน 889.52 ล้านบาท
ภาคใต้ : มูลค่า 66.79 ล้านบาท รวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกผ่านสหกรณ์และกลุ่ม เกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 0.58 ของมูลค่าการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกสหกรณ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น โดยผลผลิตส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมากที่สุด จำนวน 60.44 ล้านบาท
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : มูลค่า 5,760.60 ล้านบาท รวบรวมผลผลิต ข้าวเปลือกผ่านสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 50.30 ของมูลค่าการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกสหกรณ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น โดยผลผลิตส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดมากที่สุดจำนวน 1,152.36 ล้านบาท
|
ตารางแสดงจำนวนสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สมาชิก และปริมาณการรวบรวมผลผลิตข้าว
แยกตามเขตพื้นที่เป็นรายภาค
เขตพื้นที่ |
สหกรณ์/กลุ่มฯ |
|
จำนวนสมาชิก |
|
การรวบรวมข้าว
|
|
|
แห่ง |
ร้อยละ |
คน |
ร้อยละ |
ล้านบาท |
ร้อยละ |
กรุงเทพฯและปริมณฑล |
5 |
0.85 |
12,179 |
0.26 |
399.01 |
3.48 |
ภาคกลาง |
16 |
2.72 |
139,480 |
3.01 |
576.80 |
5.04 |
ภาคตะวันตก |
7 |
1.19 |
83,761 |
1.81 |
294.90 |
2.58 |
ภาคตะวันออก |
20 |
3.40 |
127,021 |
2.74 |
443.64 |
3.87 |
ภาคเหนือ |
159 |
27.04 |
957,517 |
20.65 |
3,910.52 |
34.15 |
ภาคใต้ |
7 |
1.19 |
90,062 |
1.94 |
66.79 |
0.58 |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
374 |
63.61 |
3,226,979 |
69.59 |
5,760.60 |
50.30 |
รวมทั้งสิ้น |
588 |
100 |
4,636,999 |
100 |
11,452.26 |
100 |
ข้อมูล : รวบรวมผลผลิต ณ วันที่ 30 กันยายน 2555
กล่าวสรุปได้ว่าที่ผ่านมาข้าวไทยยังคงเป็นความต้องการของตลาดอยู่อีกมาก และมีความนิยมเลือกบริโภคข้าวไทยมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ไทยควรมีการมุ่งเน้นการพัฒนาและวางแผนจัดการสำหรับข้าวไทยอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการผลิต และหน่วยงานด้านการตลาด ทั้งนี้ คนไทยจำเป็นต้องรักษาคุณภาพสินค้า และพิจารณามุ่งตลาดต่างประเทศที่ยังนิยมและสามารถยอมรับข้าวหอมมะลิไทยที่มีราคาสูงได้ เพื่อจะได้เป็นผู้ครองตลาดอันดับหนึ่งของโลกตลอดไป |
ข่าว/บทความยอดนิยม |
ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด |
ข่าว/บทความล่าสุด |
|
|
|
จำนวนคนอ่าน 7012 คน |
จำนวนคนโหวต 2 คน |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889 |
|
 |

|
 |
|
การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel |
|