กลุ่มประชาสัมพันธ์
"ทำบัญชีให้เห็นว่าสมดุลไม่ขาดทุน ถ้าทุกคนสามารถที่จะทำให้พอดีไม่ขาดทุน ประเทศชาติไม่ขาดทุนแน่ และประเทศชาติขาดทุนอย่างนี้ ไม่ขาดทุน อยู่รอด ข้อสำคัญเป็นอย่างนี้ ที่ว่าเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ว่าพอเพียงในการบริโภค แต่ให้พอเพียงในการมีชีวิตอยู่ บางคนก็อาจจะรวยได้ทีเดียว พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนิน งานศูนย์ศึกษาพัฒนาการห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2541
จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการทำบัญชี ซึ่งไม่เพียงเป็นเครื่องมือวัดความสำเร็จทางธุรกิจและแสดงสถานะทางการเงิน แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน จึงมีความมุ่งมั่นและตั้งใจเรื่อยมา ที่จะส่งเสริมให้เกษตรกร เยาวชน และประชาชนทั่วไป ได้มีความรู้ ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของการทำบัญชี ควบคู่กับการพัฒนาสหกรณ์ไทยให้มีระบบการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีที่โปร่งใสและเข้มแข็ง
ในวันที่ 12 มีนาคม 2555 นี้ นับเป็นวันสำคัญที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จะครบรอบการสถาปนา ปีที่ 60 หากเปรียบเทียบกับช่วงอายุของคนแล้ว ในมุมหนึ่งอาจมองว่าเป็นวัยที่เริ่มโรยราและถึงเวลาแก่การพักผ่อน แต่ในทางกลับกัน วัย 60 ปี ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังเป็นวัยที่สดใสและมีไฟมุ่งมั่นในการพัฒนางานให้ดีขึ้นเรื่อยไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยนำความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในงานที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมเป็นแรงผลักดันที่จะเดินหน้าตามภารกิจในการตรวจสอบบัญชี วางระบบบัญชี และให้คำปรึกษาแนะนำการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยในปี 2555 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มุ่งเดินหน้า 5 งานหลัก ดังนี้
1.) งานเสริมสร้างภูมิปัญญาทางบัญชี ซึ่งเป็นงานสำคัญที่กรมฯ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง สนองตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเสริมสร้างภูมิปัญญาทางบัญชีให้แก่เกษตรกร เยาวชน และประชาชนทั่วไป เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการทำบัญชี โดย ชูโครงการเด่น "จูงมือน้องน้อยบนดอยสูงและ"ครูบัญชีวัยใสที่ชายแดน เพื่อปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ได้รู้จักการทำบัญชี สามารถคิดคำนวณ รู้รายรับ-รายจ่าย และดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ
2.) พัฒนางานสอบบัญชี ใช้ IT เต็มรูปแบบ โดยผลักดันให้สหกรณ์นำโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร ที่กรมตรวจฯพัฒนาขึ้น ไปใช้ในการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชี ซึ่งจะช่วยให้สหกรณ์บริหารจัดการได้อย่างครบวงจร สามารถจัดทำงบการเงินตามรูปแบบที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด ออกรายงานผลการวิเคราะห์งบการเงิน และรายงานเตือนภัยได้อัตโนมัติ สามารถปิดบัญชีได้เร็ว สมาชิกก็จะได้รับเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนเร็ว
3.) เน้นการใช้ประโยชน์บัญชีในสหกรณ์ทุกระดับ โดยมุ่งเน้นการให้คำแนะนำการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีกับโครงสร้างธุรกิจของสหกรณ์ ตลอดจนการเตือนภัยทางการเงิน และให้สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ทุกแห่งเป็น"คลินิกกรมตรวจบัญชีสหกรณ์สำหรับดูแลและเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินการบัญชี
4.) พัฒนาผู้ตรวจสอบกิจการและครูบัญชีอาสา โดยมุ่งส่งเสริมศักยภาพผู้ตรวจสอบกิจการ ในด้านต่างๆ รวมถึงขีดความสามารถในการเตือนภัยและให้คำแนะนำแก้ปัญหาแก่สหกรณ์ได้อย่างทันท่วงที ตลอดจนพัฒนาครูบัญชีอาสาให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อเป็นแรงสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ทางบัญชีให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง
5.) จัดตั้งมูลนิธิ "60 ปี กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เพื่อสนับสนุนและเผยแพร่ภูมิปัญญาทางบัญชีและพัฒนาส่งเสริมงานด้านบัญชี อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายเครือข่ายอันเป็นประโยชน์ต่อสหกรณ์ นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้งสถาบันพัฒนานักบริหารงานบัญชีสหกรณ์แห่งชาติ หรือ "นิคแคท (NICADD) ซึ่งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ร่วมกับสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยและมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันจัดตั้ง ให้เป็นสถาบันฝึกอบรมทางวิชาการเชิงปฏิบัติการ และเสริมสร้างประสบการณ์เชิงรุกให้แก่บุคลากรในขบวนการสหกรณ์ ให้เป็นนักบริหารงานบัญชีสหกรณ์ เพื่อการขับเคลื่อนพัฒนาสหกรณ์ในประเทศไทยไปสู่ระดับอาเซียน
"ในปี 2555 กรมตรวจฯ จะเปลี่ยนวิธีคิดในการบริหารงาน โดยยึดนโยบายการมีส่วนร่วมจากภายนอก หรือ Outside In ด้วยการรับฟังให้มากขึ้น เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามามีส่วนร่วม มีการเสนอความคิดเห็นในฐานะผู้รับบริการ เพื่อจะได้นำแนวคิดดังกล่าวมาปรับปรุง พัฒนางานให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของเขา เพราะผมคิดเสมอว่า ผู้รับบริการควรจะได้ร่วมคิด ร่วมพัฒนาไปกับกรมฯ ด้วย อย่างไรก็ตาม กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ก็มีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะสนับสนุนภาคสหกรณ์ ยกระดับสู่ความเป็นสากล ช่วยส่งเสริมให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งและก้าวไกลต่อไปอย่างยั่งยืนด้วย นายจักรี สุจริตธรรม อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวถึงความมุ่งมั่นในฐานะหัวเรือใหญ่ ที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปกับผู้ปฏิบัติงานทุกคน รวมทั้งองค์กรเครือข่ายต่างๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ให้เดินหน้าอย่างมั่นคง
จากก้าวแรกจนถึงก้าวปัจจุบัน นับเป็นเวลา 60 ปี ที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังคงรักษามาตรฐานและคุณภาพในการทำงานอย่างเข้มแข็ง พร้อมกับเปิดรับสิ่งใหม่ๆ และปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในยุคปัจจุบัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นองค์กรหลักที่มุ่งมั่นพัฒนาสหกรณ์ไทย ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป.
|